เมนู

4. รถวินีตสูตร


[292] ข้าพเจ้าได้ฟังมาอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน อันเป็นที่
พระราชทานเหยื่อแก่กระแต กรุงราชคฤห์. ครั้งนั้นภิกษุชาวชาติภูมิจำนวน
มาก จำพรรษาแล้วในชาติภูมิ พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายอภิวาท
แล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามภิกษุเหล่านั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ใน
ชาติภูมิ ภิกษุรูปไหนหนอ ที่พวกภิกษุเพื่อนพรหมจรรย์ชาวชาติภูมิยกย่อง
อย่างนี้ว่า ตนเองเป็นผู้มักน้อย สันโดษ สงัดเงียบ ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ ปรารภ
ความเพียร สมบูรณ์ด้วยศีล ปัญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะแล้ว
ยังกล่าวความมักน้อย ความสันโดษ ความสงัดเงียบ ความไม่คลุกคลีด้วยหมู่
ความปรารภความเพียร ความสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และ
วิมุตติญาณทัสสนะ แก่ภิกษุทั้งหลายอีกด้วย เป็นผู้สอน แนะให้เข้าใจชี้ชวน
พวกภิกษุเพื่อนพรหมจรรย์ ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง.
ภิกษุชาวชาติภูมิเหล่านั้น กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใน
ชาติภูมิ ท่านพระปุณณมันตานีบุตร เป็นผู้ที่พวกภิกษุเพื่อนพรหมจรรย์ชาว
ชาติภูมิประเทศยกย่องว่า ตนเองเป็นผู้มักน้อย สันโดษ สงัดเงียบ ไม่คลุก
คลีด้วยหมู่ ปรารภความเพียร สมบูรณ์ด้วยศีล. สมาธิ ปัญญา วิมุตติและ
วิมุตติญาณทัสสนะแล้ว ยังกล่าวเรื่องความมักน้อย ความสันโดษ ความสงัด
เงียบ ความไม่คลุกคลีด้วยหมู่ ความปรารภความเพียร ความสมบูรณ์ด้วยศีล

สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะ แก่ภิกษุทั้งหลายอีกด้วย เป็น
ผู้สอน แนะให้เข้าใจ ชี้ชวนพวกภิกษุเพื่อนพรหมจรรย์ ให้เห็นแจ้ง ให้
สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง.
[293] สมัยนั้น ท่านพระสารีบุตรีนั่งเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ ณ
ที่ใกล้จึงดำริว่า เป็นลาภของท่านปุณณมันตานีบุตร ความเป็นมนุษย์อันท่าน
ปุณณมันตานีบุตรได้ดีแล้ว ที่พวกภิกษุเพื่อนพรหมจรรย์ผู้เป็นวิญญูชน กล่าว
ยกย่องพรรณนาคุณเฉพาะพระพักตร์พระศาสดา และพระศาสดาก็ทรงอนุ-
โมทนาการกระทำนั้น บางทีเราคงได้พบกับท่านปุณณมันตานีบุตรแล้ว สนทนา
ปราศรัยกันสักครั้งหนึ่ง.
[294 ] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่สำราญพระอัธยาศัย
ณ กรุงราชคฤห์ เสด็จจาริกไปโดยลำดับ ถึงกรุงสาวัตถี ประทับอยู่ในพระวิหาร-
เชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.
ท่านพระปุณณมันตานีบุตรได้ข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงกรุง
สาวัตถี ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
กรุงสาวัตถี ท่านจึงเก็บงำเสนาสนะ ถือบาตรและจีวร จาริกไปโดยลำดับตาม
ทางที่จะไปยังกรุงสาวัตถี ถึงพระวิหารเชตวันแล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าถึงที่ประทับแล้ว ถวายอภิวาทนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ครั้นนั่ง
เรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงยังพระปุณณมันตานีบุตรให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมิกถา.
ครั้งนั้น ท่านพระปุณณมันตานีบุตร เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้
เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริงด้วยธรรมิกถาแล้ว ชื่นชม อนุ-
โมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ลุกจากอาสนะถวายอภิวาท ทำประทักษิณ
แล้วเข้าไปสู่ป่าอันธวัน เพื่อพักกลางวัน

[295] ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรแล้วแจ้ง
ข่าวว่า ข้าแต่ท่านสารีบุตร ท่านพระปุณณมันตานีบุตร ที่ท่านได้สรรเสริญ
อยู่เนืองๆนั้น บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้ท่านเห็นแจ้ง ให้สมาทาน
ให้อาจหาญ ให้ร่าเริงด้วยธรรมิกถาแล้ว ท่านก็ชื่นชม อนุโมทนาภาษิตของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ลุกจากอาสนะถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าทำประทักษิณ
หลีกไปสู่ป่าอันธวัน เพื่อพักในกลางวัน.
ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรรีบถือผ้านิสีทนะ แล้วติดตามท่าน
พระปุณณมันตานีบุตรไปข้างหลัง ๆ พอเห็นศีรษะกัน. ครั้งนั้นท่านพระปุณณ-
มันตานีบุตรเข้าไปในป่าอันธวันแล้ว นั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง แม้
ท่านพระสารีบุตรเข้าไปสู่ป่าอันธวันแล้ว ก็นั่งพักกลางวัน อยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง
เหมือนกัน.

ปัญหาว่าด้วยการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์


[296] เวลาเย็น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่พักผ่อนแล้ว เข้าไปหา
ท่านพระปุณณมันตานีบุตร ให้ระลึกถึงกันแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว จึงถามท่านพระปุณณมันตานีบุตรว่า ผู้มีอายุ ท่าน
ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราหรือ.
ท่านพระปุณณมันตานีบุตรตอบว่า อย่างนั้นสิผู้มีอายุ.
สา. ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อสีลวิสุทธิ
หรือ.
ปุ. ไม่ใช่.
สา. ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจิตตวิสุทธิ
หรือ.
ปุ. ไม่ใช่.